ระเบียบทุนการศึกษา มนข.

ทุน ม.น.ข.

ตามที่มูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ได้ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๔ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่ขาดแคลน ทั้งในด้านเครื่องอุปโภคบริโภค และการให้ทุนการศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๐๖ เป็นต้นมานั้น ต่อมาได้มีบริษัทองค์การและเอกชน มีจิตศรัทธาบริจาคเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับอุดมศึกษาจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการบริจาคมีทั้งที่บริจาคเป็นรายปี หรือบริจาคเป็นเงินก้อนให้มูลนิธิฯ เก็บเฉพาะดอกผลเพื่อเป็นทุนการศึกษา และตั้งชื่อทุนตามความประสงค์ของผู้บริจาค ซึ่งทุนการศึกษานี้มีชื่อว่า ทุน “ม.น.ข.”

คณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ ได้จัดให้มีคณะกรรมการบริหารทุนการศึกษา “ม.น.ข.” มีท่านอุปนายกมูลนิธิฯ (หม่อมราชวงศ์สายสิงห์ ศิริบุตร) เป็นประธาน คณะกรรมการคือผู้บริหารสถานศึกษา ระดับอุดมศึกษา ทั่วประเทศ และเลขาธิการคณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ เป็นเลขานุการ

๑.    มูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชินูปถัมภ์    ได้ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔  มูลนิธิฯ มีวัตถุประสงค์ที่จะให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่ขาดแคลน    ทั้งในด้านเครื่องอุปโภคบริโภคตลอดจนในด้านทุนการศึกษาด้วย  ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๐๖  เป็นต้นมา  ได้มีบริษัท องค์การ และเอกชนมีจิตศรัทธาบริจาคเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาเป็นจำนวนมาก  ซึ่งทุนที่มูลนิธิฯ ได้รับบริจาคส่วนใหญ่นี้เป็นทุนการศึกษาในระดับอุดมศึกษา 
 
๒.  ทุนการศึกษานี้ มุ่งหมายจะช่วยนิสิต นักศึกษา ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย หรือสถาบันอุดมศึกษาของรัฐในประเทศไทย และเป็นผู้ที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์  ถ้าหากไม่ได้รับทุนช่วยเหลือจะไม่สามารถศึกษาจนจบหลักสูตรขั้นปริญญาตรีได้
 
๓.   มูลค่าเงินทุน จะปรับเพิ่มมูลค่าเงินทุนตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๘ ดังนี้
      ระดับอุดมศึกษา  (มูลค่าทุนเริ่มต้นที่ ๘,๐๐๐ บาทต่อปี)
      ตั้งแต่ชั้นปีที่ ๑ – จบปริญญาตรี
      – คณะทั่วไป                   ๘,๐๐๐  บาทต่อปี
      – คณะวิศวกรรมศาสตร์       ๙,๐๐๐  บาทต่อปี
      – คณะแพทยศาสตร์   เริ่มต้นที่ ๑๐,๐๐๐  บาทต่อปี
 
๔. คณะกรรมการบริหารของมูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชินูปถัมป์  ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง เรียกว่าคณะกรรมการบริหารทุนการศึกษา  เพื่อทำหน้าที่บริหารงานเกี่ยวกับทุนการศึกษานี้  เช่น การคัดเลือก   นักเรียน  นิสิต  นักศึกษา ที่สมควรได้รับทุน การติดตามผลการศึกษาของผู้รับทุน เป็นต้น กรรมการคณะนี้ ประกอบด้วย ผู้แทนของมูลนิธิฯ ผู้แทนมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา และบุคคลอื่นที่คณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ เห็นสมควร
 
๕.  คุณสมบัติของผู้สมัครขอรับทุน มีดังต่อไปนี้
     (๑)  เป็นนักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๖ หรือ นิสิต นักศึกษา ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียน มหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาของรัฐในประเทศไทย
    (๒) มีอายุระหว่าง ๑๖ – ๒๐ ปี 
    (๓) มีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี มีคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า ๒.๕ 
    (๔) มีฐานะยากจน  โรงเรียน   มหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษานั้นๆ   เห็นว่าต้องได้รับความช่วยเหลือจึงจะมีโอกาสศึกษาจนจบหลักสูตรปริญญาตรี
    (๕) มีความประพฤติเรียบร้อย และมีความขยันหมั่นเพียร
    (๖) มีสุขภาพที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
 
๖.  การยื่นใบสมัคร
        (๑) ผู้ที่ประสงค์จะขอรับทุน  ต้องอ่านระเบียบทุนฉบับนี้ให้เข้าใจและต้องแจ้งความจำนงต่อ
อาจารย์ใหญ่  ผู้อำนวยการโรงเรียน อธิการบดีของตน แล้ว อาจารย์ใหญ่  ผู้อำนวยการโรงเรียน  อธิการบดีพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครขอรับทุน ซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ระบุไว้ใน ข้อ ๔
        (๒) ผู้ที่ทางโรงเรียน หรือคณะกรรมการคัดเลือกให้สมัครขอรับทุน ต้องปฏิบัติดังนี้
                    (ก) ผู้สมัครต้องกรอกใบสมัครที่เขียนด้วยลายมือตนเองหนึ่งฉบับ 
                    (ข) ผู้สมัครต้องขอให้ผู้ปกครองรับรอง 
                    (ค) ผู้สมัครต้องส่งรูปถ่าย ๑ รูป ขนาด ๔ x ๖ ซ.ม. หน้าตรงไม่สวมหมวก  ซึ่งถ่ายไว้ไม่เกิน ๑ ปี พร้อมกับใบสมัคร
                    (ง) ผู้สมัครต้องส่งใบรับรองแพทย์ 
        (๓) ให้อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการโรงเรียน อธิการบดี กรอกเอกสาร และส่งใบสมัครขอรับทุนโดยครบถ้วน ถึง เลขาธิการคณะกรรมการบริหารมูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ คือ อาคารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขที่ ๙๒๘ ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ ๑๐๑๑๐ โทรศัพท์ ๐-๒๓๙๑-๓๗๙๖, ๐-๒๓๙๑-๒๓๒๔ โทรสาร ๐-๒๓๙๑-๒๓๕๔
 
๗.  การคัดเลือก 
        (๑)  คณะกรรมการบริหารทุนการศึกษาของมูลนิธิฯ  จะเป็นผู้พิจารณาสอบคัดเลือกหรือคัดเลือกผู้รับทุน แล้วนำผลการพิจารณาเสนอต่อคณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ เพื่อตัดสินและชี้ขาดตัวบุคคลที่สมควรจะได้รับทุน   คณะกรรมการจะแจ้งผลให้ผู้รับทุนทราบผ่าน อาจารย์ใหญ่ / ผู้อำนวยการ / อธิการบดี 
        (๒) ผู้สมัครที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖  ต้องแจ้งผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยบอกชื่อ – ชื่อสกุล ของตนเอง สถาบันที่สอบได้ คณะ วิชาเอก เป็นลายลักษณ์อักษร หลังจากผ่านการสอบสัมภาษณ์และตรวจโรคแล้ว   โดยใช้ใบแจ้งผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของมูลนิธิฯ
 
๘.  การเพิกถอนสิทธิ์ของผู้รับทุน
            (๑) ตาย
            (๒) ถูกให้ออกจากสถานศึกษา โดยมีความผิด หรือประพฤติตนเสื่อมเสียไม่สมควรแก่วัยหรือแก่สภาพของนักศึกษา
            (๓) ขาดคุณสมบัติข้อ ๕ (๔) , (๕)  และ (๖) 
            (๔) สละสิทธิ์ โดยมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ปกครอง
            (๕) สอบตกตามเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย และกรรมการบริหารทุนการศึกษาเห็นควรงดให้ทุน
            (๖) ลาออกเพื่อสอบเข้าเรียนใหม่โดยไม่เปลี่ยนชั้นปี และไม่แจ้งให้มูลนิธิฯ  ทราบ
            (๗) เมื่อมูลนิธิฯ ไม่ประสงค์จะให้ทุนต่อไป
 
๙. การบริหารทุน
             (๑) ทุนการศึกษานี้ มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า ๖,๐๐๐ บาทต่อปี หรือแล้วแต่ความประสงค์ของเจ้าของทุน โดยจะเพิ่มให้เป็นรายๆ ไป เหรัญญิกของมูลนิธิฯ หรือผู้ทำการแทนจะจ่ายเงินทุนให้เป็นงวดๆ ภาคเรียนละ ๑ ครั้ง  ทั้งนี้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการบริหารทุนการศึกษาของมูลนิธิฯ
             (๒) ผู้ได้รับทุนจะได้รับทุนการศึกษา ปีละ ๒ ครั้ง จนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี  ดังนั้นจึงต้องรายงานผลการศึกษาต่อคณะกรรมการบริหารทุนการศึกษาของมูลนิธิฯ  เป็นประจำทุกภาคเรียน ในเดือนเมษายน และพฤศจิกายน ของทุกปี มิฉะนั้นจะไม่ได้รับทุนการศึกษา ในภาคเรียนต่อๆ ไป
 
๑๐.  ระเบียบทุนการศึกษาฉบับนี้ เป็นแต่เพียงการแจ้งให้ทราบเท่านั้น ไม่มีผลบังคับทางกฎหมายแต่อย่างใด